แม่พาลูกม.1เก็บขยะขาย ถูกเพื่อนล้อไร้เงินต้องขาดเรียน

เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่บ้านเลขที่ 83/3 ถนนวัดแจ้ง หมู่ที่ 5 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง ได้มี น.ส.ปรียา วุ่นพันธ์ อายุ 37 ปี อาศัยอยู่กับครอบครัว 7 คน โดยพ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ทำให้มีรายได้ไม่เพียงพอ เธอจึงให้ลูกชายคนโตคือ ด.ช. ภาณุเดช รัตนบุรี หรือน้องโก้ อายุ 14 ปี ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนเทศบาลแห่งหนึ่งใน อ.เมืองตรัง ออกไปช่วยเก็บขยะ หลังเลิกเรียนตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 น.- 22.00 น.ของทุกวัน โดยปล่อยให้ลูกๆอีก 4 คนซึ่งเป็นผู้หญิง 3 คน และชาย 1 คนอายุ 2 ขวบ,3 ขวบ,9 ขวบและ 13 ขวบ อยู่กันตามลำพัง

โดย น.ส.ปรียา ยอมรับว่า พาลูกชายไปเก็บของเก่าขายมานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยใช้เวลาหลังเลิกเรียนตั้งแต่ 16.30 น-22.00 น.ทุกวันโดยไม่มีวันหยุด รายได้ตั้งแต่ 250-300 บาท ซึ่งก็ไม่พอจ่ายเพราะมีลูก 5 คนหามาได้ 300 ก็หมดทั้ง 300 ข้าวสารวันละ 1 กิโลกรัม หากเป็นวันหยุดต้องหุงวันละ 2 กิโลกรัม บางวัน น้องโก้ ต้องขาดเรียน เพราะต้องมาดูแลน้อง และไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน ตนก็หวังให้ลูกเรียนจบ มีงานทำ และมีอนาคตที่ดีกว่าพ่อแม่

ด้าน ด.ช.ภาณุเดช กล่าวว่า ตนออกช่วยแม่หาของเก่าตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึง 4 ทุ่มทุกวัน เพื่อนๆ และคุณครูก็รู้ แถมยังถูกเพื่อนล้อว่าเป็นเด็กเก็บขยะ เนื้อตัวมอมแมม ส่วนคุณครูได้ช่วยหาทุนการศึกษาให้ โดยมีความฝันอยากเป็นช่างยนต์เพราะรายได้ดี ไม่ต้องมาเก็บขยะขาย ซึ่งตอนนี้ได้แบ่งเบาภาระของแม่ได้มาก และยอมรับว่าวันธรรมดาก็เคยขาดเรียนเพื่อมาช่วยแม่เลี้ยงน้อง แต่ไม่บ่อยซึ่งตอนนี้อยากได้ทุนการศึกษา และเสื้อผ้าชุดนักเรียนทั้งของตัวเองและของน้องๆอีก 2 คนเพราะมีกันคนละชุด ต้องกลับมาซักกันทุกวัน

ขณะเดียวกัน นางนิตยา มุทามาศ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ตรัง เข้าสอบถามความสมัครใจของผู้เป็นแม่ โดยยินดีรับเด็กวัย 2-3 ขวบไปดูแลโดยให้เธอไปรับส่งทุกเช้าเย็น เพื่อจะได้มีเวลาหาของเก่าในเวลากลางวัน ส่วนอีก 3 คน 9-14 ปีจะส่งไปเข้า โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้เด็กได้เรียนหนังสืออย่างเต็มที่ แต่ปรากฏว่าเธอปฎิเสธ โดยอ้างว่าจะขอเลี้ยงดูตามสภาพ ซึ่งหากน้องโก้ไปอยู่ที่อื่น เธอก็ไม่มีคนมาช่วยเก็บของเก่าขาย แต่ได้รับปากว่าจะไม่ปล่อยให้ลูกทั้ง 4 คน อยู่กันตามลำพังเกิน 2 ทุ่ม ส่วนผู้ใจบุญคนใดอยากจะช่วยเหลือครอบครัวนี้สามารถโทรศัพท์ไปที่หมายเลข 099-3140634

เครดิตข่าวโดย: เดลินิวส์
เรื่องอื่นๆ

กรมที่ดิน

ก่อนหน้า